11/02/2007

เรื่องน่ารักๆของสมเด็จพระเทพฯ

ไม่อ่านจะเสียใจ ( เรื่องน่ารักๆของสมเด็จพระเทพฯ) ได้รับจากคุณหนู"บอย" ไม่ดื่ม

เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังว่า สักประมาณ 20 ปีที่แล้ว ขณะที่เขากำลังเดินดูหนังสือในร้านหนังสือดวงกมล สยามแสควร์ ก็มีนิสิตหญิงจุฬาฯ สองสามคนเดินเข้ามาในร้าน นิสิตคนหนึ่งใบหน้าสวยคม จัดว่าสวยน่ารัก แต่ใบหน้าดูคุ้นเหลือเกิน ทันใด!!! เขาก็เห็นคนเริ่มไหว้บ้าง ค้อมศีรษะบ้างให้แก่นิสิตคนนั้น แต่ก็มีเสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจจากนิสิตคนนั้นว่า “ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ วันนี้เป็นนิสิต มาหาซื้อหนังสือ เชิญทุกท่านตามสบายค่ะ ” ทุกคำที่เอ่ยจะมีคำว่า “ ค่ะ ” ตลอดแล้วก็หันไปยิ้มแบบเขินๆ กับเพื่อนทีมาด้วย กริยาช่างงามน่ารักเหลือเกินเพื่อนผมย้ำ ทันใด นิสิตกลุ่มนั้นก็หันไปเห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง กำลังเดินดูหนังสืออยู่ในร้านเหมือนกัน จึงเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ผู้อาวุโสท่านนั้น และนิสิตท่านก็เป็นผู้เอ่ยทักว่า “ สวัสดีค่ะอาจารย์ มาหาซื้อหนังสือเหรอคะ ” ทันใด ผู้อาวุโสท่านนั้นก็สะดุ้ง กำลังจะก้มและย่อตัวลงในท่าทำความเคารพ แต่ความที่อยู่ในวัยชราจึงไม่ค่อยถนัด พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ อ้าว องค์หญิง กระหม่อมมาหาซื้อหนังสือ พะยะค่ะ ” ในตอนนั้น เพื่อนผมก็จำได้ขึ้นมาว่า นิสิตท่านนั้นก็คือ “ สมเด็จพระเทพฯ ” นั่นเอง ในตอนนั้นพระเทพฯ ก็ทรงเข้ามาประคองอาจารย์ท่านนั้น พร้อมกับรับสั่ง “ ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ หนูกับเพื่อน มาหาซื้อหนังสือเหมือนกันค่ะ ” เพื่อนผม บอกว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมรักและเทอดทูนเจ้าหญิงองค์น้อยเสมอมา ด้วยความที่ท่านไม่ทรงถือพระองค์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ผมเคยอ่านจากหนังสือสกุลไทยช่วงตอบปัญหาของใครจำไม่ได้แล้วมีคนเขียนไปถามเจ้าของคอลัมน์ว่า จริงหรือเปล่าที่พระองค์เคยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ยังเมืองทองธานี เพื่อเสวยร้านอาหารโต้รุ่ง ก็มีคำตอบว่า จริงพระองค์เคยเสด็จอย่างส่วนพระองค์จริงๆ กับคุณข้าหลวงอีก 2 คน ไม่มีองครักษ์ติดตาม คือ เสด็จยังร้านอาหารตามสั่งทั่วไปริมถนน ตอนแรกไม่มีใครจำพระองค์ได้เลย แต่มี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งเห็นเข้า ฝ่ายสามีบอกว่า ไม่ใช่สมเด็จพระเทพฯ หรอก เพราะนี่คือร้านอาหารโต้รุ่งแล้วก็ดึกมากแล้วด้วย แต่ฝ่ายภรรยาบอกว่า เหมือนมากก็โต้กันไปโต้กันมา จนพระองค์ทรงได้ยิน จึงหันพระพักตร์มาทาง 2 สามีภรรยานี้แล้วตรัสว่า “ ใช่ แต่ขอให้ทำตัวตามสบาย ” เท่านั้นแหละครับ 2 คนนี้ก็ก้มลงกราบ จนคนอื่นๆ แปลกใจ ก็หันมามองกันหมดทั้งร้าน เจ้าของร้านกับเด็กเสิร์ฟก็เพิ่งทราบ จึงรีบเข้าไปถวายความเคารพ พวกพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็นำอาหารของร้านตนมาถวาย จนกระทั่งเสด็จกลับไป นี่แหละครับ เจ้าหญิงในใจประชาชนพระองค์จริงๆ จำได้ว่า ตอนที่พระองค์ท่านเสด็จในงาน concert กาชาดหลายปีแล้ว พระองค์ท่านทรงเป่า trumpet เพลงคู่กัด พอท่านทรงเป่าจบ คนดูก็ตบมือท่านก็ทรงรับสั่งว่า “ แปลกจัง ทำไมไม่มีเสียงกรี๊ดเลย ” คนดูก็เงียบกริบ...คงตะลึงมั้ง ท่านก็รับสั่งย้ำอีกครั้งเท่านั้นแหล่ะ..คนดูกรี๊ดถล่ม ผมเคยเข้าไปเล่นคอนเสิร์ตหน้าพระที่นั่งศาลาดุสิตาลัย เมื่อสิบห้าปีก่อน พระเทพฯ ทรงประชวรหวัดเล็กน้อย แต่ก็ตรัสก่อนพวกผมเล่นกันว่า “ วันนี้ไม่มีเสียงกรี๊ดนะเป็นหวัด ” พอตอนเล่น ผมเลยบังอาจถวายแซวพระองค์ท่านว่า “ ในฐานะรุ่นน้องจุฬาฯ ขอพระราชทานอนุญาต เอ่ยพระนามพระองค์ว่าพี่น้อยก็แล้วกันวันนี้ขอให้พี่น้อย หายหวัดเร็วๆ นะครับ ” คนดูในศาลาดุสิตาลัยเงียบกริบ ผมก็ชักหนาวสันหลังว่า เหิมเกริมไปหรือเปล่า เพื่อนร่วมวงรีบชิงพูดต่อว่า มหาดเล็กครับ ช่วยยิงให้ถูกคนด้วยแล้วกัน คนเลยฮากันตึงรอดไป มีเพลงหนึ่งชื่อเพลงกล้วยไข่ ผมก็แปลงเป็นว่า แปลกใจจริง พระเทพฯชอบอะไร พระเทพฯ ชอบกล้วยไข่ เพราะว่าพระองค์ทรงโปรด ลัล ลัล ลัล ลา ตอนไปรับพระราชทานดอกไม้จากพระหัตถ์ ผมไปยกมือไหว้ท่าน ท่านก็ตรัสย้อนผมว่า “ ใครเค้าไหว้กัน เค้าโค้งจ้ะ ” จากนั้นท่านก็ตรัสว่า “ ใครบอกฉันชอบกล้วยไข่ ฉันชอบกล้วยน้ำว้าย่ะ ” ผมไม่เคยลืมสักภาพเดียวเลยครับ ตอนเป็นนักเรียนแถวสามย่านพระองค์ท่านเป็นนิสิตแล้ว เคยแอบไปเดิน “ ส่อง ” รถพระที่นั่งซึ่งจอดอยู่หน้าหอประชุมจุฬาฯ เห็นมีขนมขบเคี้ยวสารพัดใส่โหลเอาไว้ 2-3 โหล ทุกวัน ตลอด 4 ปีที่ทรงศึกษาอยู่ ผู้คนที่ต้องผ่านสัญจรแถวนั้น ไม่เคยต้องเดือดร้อนกับการกั้นรถขบวนเป็นชั่วโมงๆ เพียงรถพระที่นั่ง 1 คันกับรถตำรวจนำอีก 1 ที่ไม่เคยเปิดไซเรน ไม่เคยเปิดโทรโข่ง ไม่เคยฝ่าไฟแดง เห็นพวกนักการเมือง มีตำรวจนำตำรวจตาม วิ่งย้อนศร กั้นรถให้แซงลัดคิวแล้ว นึกถึงสิ่งที่พระองค์ปฏิบัติทุกครั้ง

No comments: