ต้นกระดาษ double A_อันตรายมาก
จริงป่าว? ใครหาคำตอบได้มั่ง...
> เราไม่มีเจตนาที่จะทำลายหรือป้ายสีอะไรในบริษัท Double A ทั้งนั้น
> เพียงแต่ต้องการเปิดเผยความจริงแก่ทุกคน> อย่างที่หลายๆคนคงจะเห็นในโฆษณาเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรหลายคนหันมาปลูกต้นกระดาษ
> Double A โดยอ้างว่า ปลูกแล้วจะรวยขึ้นทันตาเห็น
> ก่อนอื่นอยากบอกก่อนว่าที่จริงต้นไม้ที่ว่านั้นก็คือ
> ต้นยูคาลิปตัสที่ได้ทำการดัดแปลงพันธุกรรมแล้วนั่นเอง
> เราเป็นนักท่องเที่ยว ที่เพิ่งกลับมาจากแคมป์ปิ้งที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา
> ตามทิวเขาจะมีต้นไม้ที่ชาวบ้านนิยมปลูกกันมาก
> ต้นไม้เหล่านั้นจะเรียงตัวกันเป็นแถวๆดูแล้วสวยงาม สูงใหญ่
> ภายหลังได้รู้ว่านั่นก็คือไร่ยูคาลิปตัสจากวิทยากรภายในอุทยานนั้น
> ท่านวิทยากรได้พูดให้เราฟังว่า
> การนำต้นยูคาลิปตัสหรือต้น Double A มาปลูกนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก
> ในหลวงท่านก็เคยดำรัสไว้ว่า ชาวบ้านไม่ควรนำต้นเหล่านี้มาปลูก
> เพราะมันเป็นพืชต่างถิ่น ท่านวิทยากรก็เสริมว่า ต้นยูคาเป็นพืชเชิงเดี่ยว
> เมื่อปลูก! แล้วจะส่งผลให้พื้นแผ่นดินในบริเวณนั้น แห้งผาก
> เนื่องจากมันี้จะดูดซึมน้ำอย่างรวดเร็ว และต้องการน้ำมาก
> ทำให้รากของต้นๆหนึ่งอาจยาวได้ถึง20เมตรเลยทีเดียว
> เมื่อดินบริเวณนั้นถูกดูดน้ำจนหมด ผืนดินก็จะกลายเป็น ทะเลทราย ในที่สุด
> ว่าแล้ววิทยากรก็หยิบดินให้เราดู แล้วโปรยลงพื้น มันคือทรายชัดๆ
> แทนที่จะเป็นดินในป่าแบบนี้
> แล้วเราอยากให้ทุกคนคิดดู ถ้ามีการปลูกต้น Double A เป็นจำนวนมาก
> ผู้คนได้ผลกำไรอย่างงอกงามในการทำธุรกิจกับแผ่นดินของชาติ
> แต่นานๆไปเล่า จะเกิดอะไรขึ้น
> ผืนแผ่นดินไทยในอนาคตก็มีโอกาสจะกลายเป็นทะเลทรายได้
> ไม่ใช่ว่าการปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องดีนะคะ แต่สำหรับเจ้าต้นยูคานี้
> เป็นต้นไม้ที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปลูกในภูมิภาคแบบประเทศไทยเลย
> ดิฉันเป็นแค่คนตัวเล็กๆไม่มีหน้าที่ใหญ่โตอะไรในวงสังคม ไม่มีสิทธิ์ห้ามใครได้
> แต่อยากให้ทุกคนช่วยเผยแพร่เรื่องนี้ด้วยนะคะ
> เพราะเราคิดว่าในหลวงท่านก็ทรงห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน
> ขอบคุณค่ะที่อ่านมาจนถึงตอนจบ.............
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
11/30/2007
กบไฟไหม้ (อ่านแล้วดีจริง)
กบไฟไหม้ (อ่านแล้วดีจริง) ได้รับจาก Mr.BOY
กบตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในสระใกล้กุฏิพระ เช้าตรู่กบได้เห็นพระตื่นแล้วจัดแจงครองผ้า เดินไปสวดมนต์ภาวนาพอสว่างก็ออกบิณฑบาต ได้อาหารมาฉัน เป็นอย่างนี้ทุก ๆ วันเจ้ากบก็เกิดความยินดีในพระเห็นดีในพระมาเทียบกับตนแล้วเห็นว่าตนเองแย่มาก ๆ วันหนึ่งจะหาอาหารใส่ปากใส่ท้องระงับหิวก็ไม่ค่อยจะพอมิหนําซ้ํายังต้องเป็นอยู่ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นกลัวภัยอันตรายตลอดเวลาภัยอันตรายมีอยู่รอบทิศ ต้องจ้องกระโดดหลบภัยอยู่เรื่อย“ทําอย่างไรหนอ จึงจะได้เป็นพระ” เจ้ากบร้อนใจนักหนาปรารถนาจะเป็นพระเห็นความเป็นกบนี้แสนจะเลวร้ายต่อมาพระท่านฉันภัตตาหารอิ่มแล้วก็เอาข้าวสุกมาโปรยให้ทานไก่เจ้ากบเห็นไก่มีลาภ ได้จิกกินอาหารอย่างสําราญ ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า…อา!……. เป็นพระนี่เห็นจะสู้ไก่ไม่ได้ เพราะกว่าจะได้อาหารมาฉันก็ต้องเดินไกลต้องออกบิณฑบาตเหนื่อยเหมือนกัน เทียบกันแล้ว สู้ไก่ไม่ได้ ไก่อยู่ กับที่ถึงเวลาพระก็เอาข้าวสุกมาโปรยให้กินเอง พระท่านทําหน้าที่ราวกะทาสผู้ซื่อสัตย์ของไก่“ทําอย่างไรหนอจึงจะได้เป็นไก่”ขณะนั้นหมาวัดตัวหนึ่งมาแย่งอาหารไก่กิน ไก่กลัวหมาต้องละอาหารหนีเอาตัวรอดเจ้าหมาผู้มีอํานาจก็ยึดทรัพย์ของไก่เสีย เจ้ากบเห็นดังนี้ก็หันไปชื่นชมหมาเห็นหมาดีสารพัดชื่นชมราวกะหมาเป็นวีรชนพอดีมีชายคนหนึ่งเดินมา หมาก็วิ่งเข้าไปหมายจะกัดจึงโดนชายคนนั้นตี ร้องเสียงดังลั่นวิ่งหนีไปกบเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็อยากเป็นชายผู้นั้นอีก ทําอย่างไรหนอ...ขณะนั้ นชายผู้นั้นก็มานั่งอยู่ขอบสระ เห็นจะเป็นฤดูร้อนเพราะมีแมลงวันมาตอมกวนชายผู้นั้น เขารําคาญลุกหนีแต่บ่นให้กบได้ยิน “รําคาญแมลงวันจริงโว้ย !”กบได้ยินดังนั้นก็นึก “ อะพิโธ.!…เป็นคนนึกว่าจะวิเศษสักแค่ไหน สู้ แมลงวันก็ไม่ได้ ”อยากเป็นแมลงวันอีกขณะนึกเคลิบเคลิ้ม เห็นแมลงวันเป็นเทวดาอยู่นั้น บังเอิญมีแมลงวันเจ้ากรรมตัวหนึ่งบินมาจับเหมาะลงตรงปลายจมูกกบพอดี ด้วยความเคยชินเจ้ากบก็แลบลิ้นเลียแผล็บกินแมลงวันเป็นอาหาร พอรู้รสแมลงวันเท่านั้น…ความไม่ยินดีอันเป็นดุจไฟเผากบมาชั่วกาลนานก็ถึงพลันดับลงทันทีเลยร้องออกมาว่า “ เป็นอะไรก็ไม่ดีเหมือนเป็นกูนิ ”<>> >กบเจอดีในตัวเองแล้วก็เลยสงบ เลิกปรารภดิ้นรน จะเป็นโน่น เป็นนี่อีกต่อไปเคล็ดความรู้ในเรื่องนี้ก็คือ วิธีดับไฟไฟ คือ ความอยาก ความอยากที่นอกเหนือวิสัยของตน แบบง่าย ๆ ก็คือพยายามฝึกจิต ให้ชื่นชนยินดีกับสมบัติของตัว ภาวะของตัว หัดมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวในแง่ดีสรุปก็คือ พยายามหาความดีในสิ่งที่ตัวมีตัวได้ หาให้เจอ แล้วชื่นชมกับสิ่งนั้น ก็จะมีสุข
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
กบตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในสระใกล้กุฏิพระ เช้าตรู่กบได้เห็นพระตื่นแล้วจัดแจงครองผ้า เดินไปสวดมนต์ภาวนาพอสว่างก็ออกบิณฑบาต ได้อาหารมาฉัน เป็นอย่างนี้ทุก ๆ วันเจ้ากบก็เกิดความยินดีในพระเห็นดีในพระมาเทียบกับตนแล้วเห็นว่าตนเองแย่มาก ๆ วันหนึ่งจะหาอาหารใส่ปากใส่ท้องระงับหิวก็ไม่ค่อยจะพอมิหนําซ้ํายังต้องเป็นอยู่ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นกลัวภัยอันตรายตลอดเวลาภัยอันตรายมีอยู่รอบทิศ ต้องจ้องกระโดดหลบภัยอยู่เรื่อย“ทําอย่างไรหนอ จึงจะได้เป็นพระ” เจ้ากบร้อนใจนักหนาปรารถนาจะเป็นพระเห็นความเป็นกบนี้แสนจะเลวร้ายต่อมาพระท่านฉันภัตตาหารอิ่มแล้วก็เอาข้าวสุกมาโปรยให้ทานไก่เจ้ากบเห็นไก่มีลาภ ได้จิกกินอาหารอย่างสําราญ ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า…อา!……. เป็นพระนี่เห็นจะสู้ไก่ไม่ได้ เพราะกว่าจะได้อาหารมาฉันก็ต้องเดินไกลต้องออกบิณฑบาตเหนื่อยเหมือนกัน เทียบกันแล้ว สู้ไก่ไม่ได้ ไก่อยู่ กับที่ถึงเวลาพระก็เอาข้าวสุกมาโปรยให้กินเอง พระท่านทําหน้าที่ราวกะทาสผู้ซื่อสัตย์ของไก่“ทําอย่างไรหนอจึงจะได้เป็นไก่”ขณะนั้นหมาวัดตัวหนึ่งมาแย่งอาหารไก่กิน ไก่กลัวหมาต้องละอาหารหนีเอาตัวรอดเจ้าหมาผู้มีอํานาจก็ยึดทรัพย์ของไก่เสีย เจ้ากบเห็นดังนี้ก็หันไปชื่นชมหมาเห็นหมาดีสารพัดชื่นชมราวกะหมาเป็นวีรชนพอดีมีชายคนหนึ่งเดินมา หมาก็วิ่งเข้าไปหมายจะกัดจึงโดนชายคนนั้นตี ร้องเสียงดังลั่นวิ่งหนีไปกบเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็อยากเป็นชายผู้นั้นอีก ทําอย่างไรหนอ...ขณะนั้ นชายผู้นั้นก็มานั่งอยู่ขอบสระ เห็นจะเป็นฤดูร้อนเพราะมีแมลงวันมาตอมกวนชายผู้นั้น เขารําคาญลุกหนีแต่บ่นให้กบได้ยิน “รําคาญแมลงวันจริงโว้ย !”กบได้ยินดังนั้นก็นึก “ อะพิโธ.!…เป็นคนนึกว่าจะวิเศษสักแค่ไหน สู้ แมลงวันก็ไม่ได้ ”อยากเป็นแมลงวันอีกขณะนึกเคลิบเคลิ้ม เห็นแมลงวันเป็นเทวดาอยู่นั้น บังเอิญมีแมลงวันเจ้ากรรมตัวหนึ่งบินมาจับเหมาะลงตรงปลายจมูกกบพอดี ด้วยความเคยชินเจ้ากบก็แลบลิ้นเลียแผล็บกินแมลงวันเป็นอาหาร พอรู้รสแมลงวันเท่านั้น…ความไม่ยินดีอันเป็นดุจไฟเผากบมาชั่วกาลนานก็ถึงพลันดับลงทันทีเลยร้องออกมาว่า “ เป็นอะไรก็ไม่ดีเหมือนเป็นกูนิ ”<>> >กบเจอดีในตัวเองแล้วก็เลยสงบ เลิกปรารภดิ้นรน จะเป็นโน่น เป็นนี่อีกต่อไปเคล็ดความรู้ในเรื่องนี้ก็คือ วิธีดับไฟไฟ คือ ความอยาก ความอยากที่นอกเหนือวิสัยของตน แบบง่าย ๆ ก็คือพยายามฝึกจิต ให้ชื่นชนยินดีกับสมบัติของตัว ภาวะของตัว หัดมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวในแง่ดีสรุปก็คือ พยายามหาความดีในสิ่งที่ตัวมีตัวได้ หาให้เจอ แล้วชื่นชมกับสิ่งนั้น ก็จะมีสุข
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
บทกลอนของเด็กอัฟริกัน ผู้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจาก UN
บทกลอนของเด็กอัฟริกัน ผู้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจาก UN*** (excellent one) VERY TOUCHING
Nominated by UN as the best Poem of 2006 - Written by an African Kid
When I born, I black : เมื่อผมเกิด ผมผิวดำ
When I grow up, I black : เมื่อผมโตขึ้น ผมก็ยังผิวดำอยู่
When I go in Sun, I black : เมื่อผมอยู่ใต้แสงแดด ผมก ็คงยังผิวดำ
When I scared, I black : เมื่อผมกลัว ผมก็ผิวดำ
When I sick, I black : เมื่อผมป่วย ผมก็ยังผิวดำ
And when I die, I still black : และเมื่อผมตาย ผมก็ยังคงผิวดำ
And you white fellow : และคุณ...เพื่อนมนุษย์ผิวขาว
When you born, you pink : เมื่อแรกเกิด คุณมีผิวสีชมพู
When you grow up, you white : เมื่อคุณโตขึ้น คุณมีผิวสีขาว
When you go in sun, you red : เมื่อคุณอยู่ใต้แสงแดด คุณมีผิวสีแดง
When you cold, you blue : เมื่อคุณหนาว คุณมีผิวสีน้ำเงิน
When you scared, you yellow : เมื่อคุณกลัว คุณมีผิวสีเหลือง
When you sick, you green : เมื่อคุณป่วย คุณมีผิวสีเขียว
And when you die, you grey : เมื่อค ุณตาย คุณมีผิวสีเทา
And you calling me colored?? : และคุณเรียกผมว่า คนผิวสี
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
Nominated by UN as the best Poem of 2006 - Written by an African Kid
When I born, I black : เมื่อผมเกิด ผมผิวดำ
When I grow up, I black : เมื่อผมโตขึ้น ผมก็ยังผิวดำอยู่
When I go in Sun, I black : เมื่อผมอยู่ใต้แสงแดด ผมก ็คงยังผิวดำ
When I scared, I black : เมื่อผมกลัว ผมก็ผิวดำ
When I sick, I black : เมื่อผมป่วย ผมก็ยังผิวดำ
And when I die, I still black : และเมื่อผมตาย ผมก็ยังคงผิวดำ
And you white fellow : และคุณ...เพื่อนมนุษย์ผิวขาว
When you born, you pink : เมื่อแรกเกิด คุณมีผิวสีชมพู
When you grow up, you white : เมื่อคุณโตขึ้น คุณมีผิวสีขาว
When you go in sun, you red : เมื่อคุณอยู่ใต้แสงแดด คุณมีผิวสีแดง
When you cold, you blue : เมื่อคุณหนาว คุณมีผิวสีน้ำเงิน
When you scared, you yellow : เมื่อคุณกลัว คุณมีผิวสีเหลือง
When you sick, you green : เมื่อคุณป่วย คุณมีผิวสีเขียว
And when you die, you grey : เมื่อค ุณตาย คุณมีผิวสีเทา
And you calling me colored?? : และคุณเรียกผมว่า คนผิวสี
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
ถ้าปีนี้ไม่มี BONUS
ถ้าปีนี้ไม่มี BONUS จะทำหน้ายังไงน้า . . . .
เพื่อน ๆ ทำหน้าแบบนี้กันป่าวอะ
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
เพื่อน ๆ ทำหน้าแบบนี้กันป่าวอะ
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
11/29/2007
เรื่องเล่าจากในวัง...แล้วคุณจะรัก"ในหลวงของเรา"
เรื่องเล่าจากในวัง...แล้วคุณจะรัก"ในหลวงของเรา"
ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง อยู่เหตุการณ์ หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิด ที่จังหวัดตาก เมื่อพระเทพทรงเสด็จไ ป เยี่ยมรา ษฏร ตามที่ต่างๆ ได้ ทรงเสด็จ ไป เยี่ยมประชาชนใน ตลาดสด และถามความเป็น อยู่ กับบรรดาแม่ค้า ในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลาซึ่งพระองค์ทรง ตรัส ถามว่า "ปลาพวก นี้ขายอย่างไงจ๊ะ"แม่ค้าตอบว่า "ที่ สวรรคตแล้ว กิโล ละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมา กิโล ละ 80 บาทจ๊ะ" เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เช้าวันหนึ่ง เวลา ประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิง องค์ เล็กได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอ พูดสายกับ ฟ้าหญิงทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใคร จะพูดสาย ด้วย ก็มี เสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่ห ว่า แต่ พอฟ้าหญิงรับ โทรศัพท์แล้วถึง ได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่ เชื่อเปิด กระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ... ขนลุก เลย ( ทรงตัสกับในหลวง ท่านอยู่นั่น เอง)
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จ ขึ้นไปทรงเยี่ยมบน บ้าน ของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลก ใจ ในการ กราบบังคมทูล ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้ อย่างน่า ฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการ ใช้ราชา ศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้า เป็น โต้โผ ลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำ สวนพระ พุทธเจ้าข้า.."มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่ เลี้ยงไว้ ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมี กี่ ตัว. พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูล ว่า " มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนี ไปทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้ เดียว" เรื่องนี้ ดร. สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ ในหลวง
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มา ยุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลาย รุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ ยื่น เรื่องขออนุญาต นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่น พิเศษ ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ ว่า" ไปบอกเค้านะเราไม่ ใช่ มิกกี้ เมาส์"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับ ในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใคร เกร็งกัน ทั้ง แผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่ ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวาย รายงาน ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปี ก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบ บังคมทูลรายงาน ว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปก เกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลย เดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุ ญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ" ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลย เดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุ ญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้ม พระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสา ว่า" เออ ดี เราชื่อ เดียว กัน..." ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้า เฝ้า ต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุ สิดาลัยเพราะ ผู้รายงาน ตื่นเต้นจนจำชื่อตน เองไม่ได้
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
มีอยู่ครั้ง หนึ่งทรงเสด็จไปพระราช ทานปริญญาบัตร ให้กับ นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่ง หนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรง โปรดสูบ มวน พระโอสถแต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ ได้ ทางอธิการบดี ซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อม ทูล ว่า " ถวายพระเพลิงพระ เจ้า ข้า" ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวล น้อยๆ กับ อธิการบดีว่า " เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้ หรอก"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เคยมีเรื่อง เล่าให้ฟัง ว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเเพื่อ เยี่ยม เยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมด แล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับ พระราชทานพระเครื่องว่า " ขอเดชะ ขอพระ หนึ่ง องค์" ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมด แล้ว"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตาม ปกติที่ ต่างจังหวัดก็มีชาวบ้านมาต้อนรับใน หลวงมาก มายพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตาม ลาดพระ บาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ ก้มลง กราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ ของ ในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ ได้เจอ ในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่าง นี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรง เฉยๆมิได้ตรัสรับสั่งตอบว่า กระไร แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากัน ใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรง พอ พระราช หฤหัย หรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่ง ตอบ ว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า " เรียกว่ายายได้อย่าง ไร อายุอ่อน กว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะ ถูก"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมา แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อย เกี่ยวกับ พระฉวีมีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้า เฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทาง ราชา ศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า " เอ้อ ทรง...อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือ ยังพะยะ ค่ะ"พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัส ว่า " ฉันไม่ใช่ ผู้หญิง นี่จะท้องได้ยังไง"แล้วคงจะทรงพระกรุณา ว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้าน อวัยวะร่าง กาย จริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษา อังกฤษกันเถอะ
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เรื่องนี้รุ่น พี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟัง ว่ามีอยู่ปีนึงที่ ในหลวงทรงเสด็จ พระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่าน รายชื่อ บัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่าน ขาด ตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหน แล้วปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลย ตรัสกับ อธิการไปว่า" เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไป แล้ว" และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญา บัตร อยู่ ดีๆไฟดับไปชั่ว ขณะ...ทำให้บัณฑิตคน หนึ่งพลาดโอกาสครั้ง สำคัญในการถ่ายรูป >>> พอในหลวงทรงพระราชทาน ปริญญาบัตร เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะให้พระบรม ราโชวาท >>> ; ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคน นั้นมารับ พระราชทานอีกครั้งเพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ ระลึก >>> ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอ ประชุม
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืน นาน
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง อยู่เหตุการณ์ หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิด ที่จังหวัดตาก เมื่อพระเทพทรงเสด็จไ ป เยี่ยมรา ษฏร ตามที่ต่างๆ ได้ ทรงเสด็จ ไป เยี่ยมประชาชนใน ตลาดสด และถามความเป็น อยู่ กับบรรดาแม่ค้า ในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลาซึ่งพระองค์ทรง ตรัส ถามว่า "ปลาพวก นี้ขายอย่างไงจ๊ะ"แม่ค้าตอบว่า "ที่ สวรรคตแล้ว กิโล ละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมา กิโล ละ 80 บาทจ๊ะ" เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เช้าวันหนึ่ง เวลา ประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิง องค์ เล็กได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอ พูดสายกับ ฟ้าหญิงทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใคร จะพูดสาย ด้วย ก็มี เสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่ห ว่า แต่ พอฟ้าหญิงรับ โทรศัพท์แล้วถึง ได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่ เชื่อเปิด กระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ... ขนลุก เลย ( ทรงตัสกับในหลวง ท่านอยู่นั่น เอง)
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จ ขึ้นไปทรงเยี่ยมบน บ้าน ของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลก ใจ ในการ กราบบังคมทูล ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้ อย่างน่า ฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการ ใช้ราชา ศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้า เป็น โต้โผ ลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำ สวนพระ พุทธเจ้าข้า.."มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่ เลี้ยงไว้ ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมี กี่ ตัว. พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูล ว่า " มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนี ไปทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้ เดียว" เรื่องนี้ ดร. สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ ในหลวง
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มา ยุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลาย รุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ ยื่น เรื่องขออนุญาต นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่น พิเศษ ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ ว่า" ไปบอกเค้านะเราไม่ ใช่ มิกกี้ เมาส์"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับ ในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใคร เกร็งกัน ทั้ง แผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่ ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวาย รายงาน ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปี ก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบ บังคมทูลรายงาน ว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปก เกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลย เดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุ ญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ" ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลย เดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุ ญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้ม พระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสา ว่า" เออ ดี เราชื่อ เดียว กัน..." ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้า เฝ้า ต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุ สิดาลัยเพราะ ผู้รายงาน ตื่นเต้นจนจำชื่อตน เองไม่ได้
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
มีอยู่ครั้ง หนึ่งทรงเสด็จไปพระราช ทานปริญญาบัตร ให้กับ นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่ง หนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรง โปรดสูบ มวน พระโอสถแต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ ได้ ทางอธิการบดี ซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อม ทูล ว่า " ถวายพระเพลิงพระ เจ้า ข้า" ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวล น้อยๆ กับ อธิการบดีว่า " เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้ หรอก"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เคยมีเรื่อง เล่าให้ฟัง ว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเเพื่อ เยี่ยม เยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมด แล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับ พระราชทานพระเครื่องว่า " ขอเดชะ ขอพระ หนึ่ง องค์" ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมด แล้ว"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตาม ปกติที่ ต่างจังหวัดก็มีชาวบ้านมาต้อนรับใน หลวงมาก มายพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตาม ลาดพระ บาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ ก้มลง กราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ ของ ในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ ได้เจอ ในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่าง นี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรง เฉยๆมิได้ตรัสรับสั่งตอบว่า กระไร แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากัน ใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรง พอ พระราช หฤหัย หรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่ง ตอบ ว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า " เรียกว่ายายได้อย่าง ไร อายุอ่อน กว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะ ถูก"
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมา แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อย เกี่ยวกับ พระฉวีมีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้า เฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทาง ราชา ศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า " เอ้อ ทรง...อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือ ยังพะยะ ค่ะ"พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัส ว่า " ฉันไม่ใช่ ผู้หญิง นี่จะท้องได้ยังไง"แล้วคงจะทรงพระกรุณา ว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้าน อวัยวะร่าง กาย จริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษา อังกฤษกันเถอะ
--------- - ------------------------------------------------ -------- ----------------- -
เรื่องนี้รุ่น พี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟัง ว่ามีอยู่ปีนึงที่ ในหลวงทรงเสด็จ พระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่าน รายชื่อ บัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่าน ขาด ตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหน แล้วปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลย ตรัสกับ อธิการไปว่า" เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไป แล้ว" และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญา บัตร อยู่ ดีๆไฟดับไปชั่ว ขณะ...ทำให้บัณฑิตคน หนึ่งพลาดโอกาสครั้ง สำคัญในการถ่ายรูป >>> พอในหลวงทรงพระราชทาน ปริญญาบัตร เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะให้พระบรม ราโชวาท >>> ; ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคน นั้นมารับ พระราชทานอีกครั้งเพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ ระลึก >>> ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอ ประชุม
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืน นาน
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
สิ่งที่มากับปลาดิบ
@~@สิ่งที่มากับปลาดิบ@~@ ได้รับจาก DL
รู้ไว้ อาจเป็นประโยชน์บ้างครับ
ปัจจุบันคนไทยนิยมรับประทานปลาดิบกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่น ด้วยรสชาติและหน้าตาของอาหารที่ดูสะดุดตาชวนให้น่ารับประทาน ทำให้แทบจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ไม่เคยลิ้มลองอาหารจำพวกข้าวปั้น ซูชิ ซาซิมิ ที่มีปลาดิบเป็นส่วนประกอบ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในปลาดิบนี้มีพยาธิ... พิษภัยที่หลายคนคาดไม่ถึง
ปลาดิบที่เรานำมาบริโภคนั้น มี 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ปลาดิบน้ำจืด และ ปลาดิบน้ำเค็ม (ปลาดิบทะเล) ซึ่งปลาดิบทั้ง 2 ชนิด มีเชื้อโรคที่แอบแฝงมาแตกต่างกัน ปลาดิบน้ำจืดจะพบพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิใบไม้ลำไส้ ฯลฯ สำหรับปลาดิบน้ำเค็มนั้น คนส่วนมากมักคิดว่าไม่มีพยาธิ แต่ความจริงแล้ว ปลาน้ำเค็มอาจพบตัวอ่อนของพยาธิ อะนิซาคิส ซิมเพลก(Anisakis simplex) ซึ่งปลาดิบน้ำเค็มที่เรานำมาประกอบอาหารนั้นอาจมีการปนเปื้อนของพยาธิชนิดนี้
รู้จักพยาธิอะนิซาคิส ซิมเพลก
พยาธิ อะนิซาคิส ซิมเพลก (Anisakis simplex) เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่นและเขตร้อน ในประเทศไทยตรวจพบตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ในปลามากกว่า 20 ชนิด เช่น ปลาดาบเงิน ปลาตาหวาน ปลาสีกุน ปลาทูแขก ปลากุเลากล้วย ปลาลัง เป็นต้น ส่วนในต่างประเทศจะพบในปลาจำพวก ปลาคอด ปลาแซลมอน ปลาเฮอริ่ง ระยะตัวอ่อนที่ติดต่อสู่คนจะอยู่ในอวัยวะภายในช่องท้องของปลาทะเล มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ขนาดยาวประมาณ 1-2 ซ.ม. กว้างประมาณ 0.3 - 0.5 ม.ม. สีขาวใสมีลายตามขวาง บริเวณส่วนปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา พยาธิชนิดนี้จะใช้ปากที่เป็นหนามขนาดเล็กบริเวณหัวในการไชผ่านเนื้อเยื่อต่างๆ ทั้งสามารถคงทนต่อน้ำ เกลือ และแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี
อาการผิดปกติ
อาการผิดปกติ
เนื่องจากพยาธิชนิดนี้ขณะเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อสู่คน บริเวณปากของพยาธิจะมีหนามขนาดเล็ก ขณะเคลื่อนที่จะไชในกระเพาะอาหารและลำไส้ของคน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กและอาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ส่งผลให้ผู้ที่มีพยาธิชนิดนี้ในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด อาการมักไม่เฉพาะเจาะจงคล้ายกับอาการของโรคกระเพาะอาหาร บางรายอาจท้องเสีย หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือดถ้ามีแผลในกระเพาะขนาดใหญ่ อาการมักจะเริ่มเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารที่มีพยาธิชนิดนี้เป็นชั่วโมงหรืออาจเป็นวันก็ได้ และถ้าหากพยาธิชนิดนี้ฝังตัวอยู่ในทางเดินอาหาร นาน ๆ จะทำให้เกิดลักษณะของก้อนทูมขึ้นในทางเดินอาหารได้ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อพยาธิ
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยโรคอาศัยประวัติการรับประทานปลาดิบทะเลร่วมกับอาการผิดปกติที่กล่าวข้างต้น และยืนยันการวินิจฉัยและรักษาโดยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร หากพบตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ แพทย์จะใช้กล้องส่องทางเดินอาหารคีบตัวพยาธิออก เนื่องจากพยาธิชนิดนี้ไม่สามารถตรวจพบได้ในอุจจาระ มันจะเกาะติดแน่นกับกระเพาะอาหารและลำไส้ และระยะที่พบในทางเดินอาหารนั้นเป็นระยะตัวอ่อน ซึ่งไม่ออกไข่ปนออกมากับอุจจาระ
ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาพยาธิชนิดนี้ แต่จากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น โดยหัวหน้าทีมวิจัย โตชิโอะ ลิยาม่า พบว่า วาซาบิ มีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิชนิดนี้ได้ แต่รายละเอียด ขนาด และปริมาณการใช้ฆ่าพยาธิยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา
รับประทานปลาดิบอย่างไร
ไม่เป็นพยาธิก่อนอื่นต้องแน่ใจว่า ปลาดิบที่นำมาทำอาหารนั้นเป็นปลาทะเล เพราะบางครั้งผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำปลาน้ำจืดหลายชนิดมาทำอาหาร ทำให้เ กิดโรคพยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ หรือ พยาธิใบไม้ลำไส้ ซึ่งมีความรุนแรงเช่นเดียวกับการติดโรคพยาธิ อะนิซาคิส ซิมเพลก
การแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 15 ชั่วโมง หรือ ต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 7 วัน หรือ ผ่านความร้อนมากกว่า 60 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 5 นาที ก่อนการประกอบอาหารจะทำให้พยาธิชนิดนี้ตายได้
เสื้อสีชมพู
@~เสื้อสีชมพู~@ ได้รับจาก DL
เมื่อเช้าดูข่าวช่อง 3 เป็นข่าวในหลวงเสด็จเยี่ยมประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ หลังพระอาการประชวรดีขึ้นสังเกตุเห็นพระองค์ทรง เสื้อสีชมพู แล้วพิธีกรรายการข่าว คือ คุณสรยุทธก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพู เลยเอะใจว่าเราตกข่าวอะไรรึเปล่า ช่วงนี้เขารณรงค์อะไรแน่ๆ เลยจึงมาถามพี่ที่บริษัท แกบอกว่าไม่รู้ แต่มีคนรู้จักที่ทำงานในวังแกเลยโทรเช็คให้ จึงทราบว่า เป็นการรณรงค์เพื่อให้ในหลวงสุขภาพดีประมาณว่าใส่แล้วในหลวงจะแข็งแรง ( อันนี้คงมีโหรหรือซินแสดูให้)เราก็ถึงบางอ้อเขาบอกว่าหลังวันที่ 5 ธันวาคม จะรณรงค์ให้ประชาชนใส่เสื้อชมพูถ้าทำตอนนี้เกรงประชาชนจะสิ้น เปลืองเงินเปล่าๆเราเลยพูดว่า แหม! ถ้าใส่แล้วในหลวงแข็งแรงจริงจะรีบไปซื้อมาใส่วันนี้เลยด้วยซ้ำยังไงก็ฝากเพื่อนๆทุกคนด้วยนะค่ะ แค่คนละตัวสองตัวถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ในหลวงจะได้อยู่กับเรานานๆ อย่าลืมบอกต่อละ
รักในหลวง
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
เมื่อเช้าดูข่าวช่อง 3 เป็นข่าวในหลวงเสด็จเยี่ยมประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ หลังพระอาการประชวรดีขึ้นสังเกตุเห็นพระองค์ทรง เสื้อสีชมพู แล้วพิธีกรรายการข่าว คือ คุณสรยุทธก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพู เลยเอะใจว่าเราตกข่าวอะไรรึเปล่า ช่วงนี้เขารณรงค์อะไรแน่ๆ เลยจึงมาถามพี่ที่บริษัท แกบอกว่าไม่รู้ แต่มีคนรู้จักที่ทำงานในวังแกเลยโทรเช็คให้ จึงทราบว่า เป็นการรณรงค์เพื่อให้ในหลวงสุขภาพดีประมาณว่าใส่แล้วในหลวงจะแข็งแรง ( อันนี้คงมีโหรหรือซินแสดูให้)เราก็ถึงบางอ้อเขาบอกว่าหลังวันที่ 5 ธันวาคม จะรณรงค์ให้ประชาชนใส่เสื้อชมพูถ้าทำตอนนี้เกรงประชาชนจะสิ้น เปลืองเงินเปล่าๆเราเลยพูดว่า แหม! ถ้าใส่แล้วในหลวงแข็งแรงจริงจะรีบไปซื้อมาใส่วันนี้เลยด้วยซ้ำยังไงก็ฝากเพื่อนๆทุกคนด้วยนะค่ะ แค่คนละตัวสองตัวถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ในหลวงจะได้อยู่กับเรานานๆ อย่าลืมบอกต่อละ
รักในหลวง
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
ข้อดีของ SEX 11 ประการ
*~*ข้อดีของ SEX 11 ประการ คุณูปการของเซ็กส์*~* ได้รับจาก DL
เซ็กส์ - ลดความอ้วนเซ็กส์ - บำรุงความงามเซ็กส์ - แก้ปวดหัว และอาการแพ้เซ็กส์ - ช่วยประหยัด..ไม่ต้องซื้อน้ำหอมเซ็กส์ - ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางามเซ็กส์ - ฯลฯ...ฯลฯ...ฯลฯสืบเนื่องมาจากเรื่องเกี่ยวกับจักรพรรดินีอลิซาเบธ ซีซี่ของออสเตรียในอดีต ที่มุ่งมั่นในเรื่องการรักษาความงามแค่พระนางโปรดเสวยน้ำนมวัว...เวลาเสด็จไปไหนต้องนำวัวโดยเสด็จไปด้วยน่าเสียดายที่เมื่อสมัยร้อยกว่าปีที่ผ่านมาคือในสมัยพระนางในโลกของเรายังไม่มีอินเตอร์เน็ตซึ่งมีสาระเรื่องเซ็กส์กับความงามเช่นเนื้อหาดังต่อไปนี้คุณรู้หรือไม่ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือรือร้นทางเพศหรือไม่ ขอว่าเป็นข้อ ๆ
1. เซ็กส์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่าขณะที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนมาปริมาณมากซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล2 เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย ช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่นสิว และผื่นต่าง ๆได้ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำ4. เซ็กส์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด มันทั้งช่วยยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆส่วน ของร่างกาย อีกทั้งน่าสนุกกว่าวิ่งจ็อกกิ้ง หรือว่าว่ายน้ำสัก 20เที่ยวเป็นไหน ๆ แถมไม่ต้องซื้อรองเท้ากีฬาแพง ๆ5. เซ็กส์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนเดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น6. มีเซ็กส์บ่อย ๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ ฟีโรโมนส์ มากยิ่งขึ้น7. กลิ่นตัวที่ขับออกมาขณะที่มีความต้องการทางเพศเป็นน้ำหอมที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ8. จูบกันทุกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด9. เซ็กส์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดกั้นเลือดในสมองไว้10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นละอองได้ดี11. เซ็กส์เป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า แวเลี่ยม หลายเท่าคุณสามารถมีเซ็กส์เกิน 5ครั้งในหนึ่งคืนบทความนี้ส่งมาถึงคุณ เพื่อหวังให้คุณโชคดีในเรื่องเพศบทความต้นฉบับอยู่ที่ห้องปาลาสโซ บทความนี้ถูกนำเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่ละภาษา ทั้งหมด 9 ครั้งจากต้นฉบับ และตอนนี้เซ็กส์ได้ส่งมาถึงคุณแล้ว จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ " เซ็กส์มันหยด" และหวังว่าคุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไปถ้าคุณไม่ส่งต่อบทความนี้ คุณจะไม่มีวันมีเซ็กส์ที่ดีเลยชั่วชีวิตคุณจะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาหมดสมรรถภาพ (มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
เซ็กส์ - ลดความอ้วนเซ็กส์ - บำรุงความงามเซ็กส์ - แก้ปวดหัว และอาการแพ้เซ็กส์ - ช่วยประหยัด..ไม่ต้องซื้อน้ำหอมเซ็กส์ - ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางามเซ็กส์ - ฯลฯ...ฯลฯ...ฯลฯสืบเนื่องมาจากเรื่องเกี่ยวกับจักรพรรดินีอลิซาเบธ ซีซี่ของออสเตรียในอดีต ที่มุ่งมั่นในเรื่องการรักษาความงามแค่พระนางโปรดเสวยน้ำนมวัว...เวลาเสด็จไปไหนต้องนำวัวโดยเสด็จไปด้วยน่าเสียดายที่เมื่อสมัยร้อยกว่าปีที่ผ่านมาคือในสมัยพระนางในโลกของเรายังไม่มีอินเตอร์เน็ตซึ่งมีสาระเรื่องเซ็กส์กับความงามเช่นเนื้อหาดังต่อไปนี้คุณรู้หรือไม่ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือรือร้นทางเพศหรือไม่ ขอว่าเป็นข้อ ๆ
1. เซ็กส์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่าขณะที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนมาปริมาณมากซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล2 เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย ช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่นสิว และผื่นต่าง ๆได้ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำ4. เซ็กส์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด มันทั้งช่วยยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆส่วน ของร่างกาย อีกทั้งน่าสนุกกว่าวิ่งจ็อกกิ้ง หรือว่าว่ายน้ำสัก 20เที่ยวเป็นไหน ๆ แถมไม่ต้องซื้อรองเท้ากีฬาแพง ๆ5. เซ็กส์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนเดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น6. มีเซ็กส์บ่อย ๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ ฟีโรโมนส์ มากยิ่งขึ้น7. กลิ่นตัวที่ขับออกมาขณะที่มีความต้องการทางเพศเป็นน้ำหอมที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ8. จูบกันทุกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด9. เซ็กส์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดกั้นเลือดในสมองไว้10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นละอองได้ดี11. เซ็กส์เป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า แวเลี่ยม หลายเท่าคุณสามารถมีเซ็กส์เกิน 5ครั้งในหนึ่งคืนบทความนี้ส่งมาถึงคุณ เพื่อหวังให้คุณโชคดีในเรื่องเพศบทความต้นฉบับอยู่ที่ห้องปาลาสโซ บทความนี้ถูกนำเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่ละภาษา ทั้งหมด 9 ครั้งจากต้นฉบับ และตอนนี้เซ็กส์ได้ส่งมาถึงคุณแล้ว จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ " เซ็กส์มันหยด" และหวังว่าคุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไปถ้าคุณไม่ส่งต่อบทความนี้ คุณจะไม่มีวันมีเซ็กส์ที่ดีเลยชั่วชีวิตคุณจะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาหมดสมรรถภาพ (มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
External Links
http://movie-dvd.blogspot.com
http://shoesbuy.blogspot.com
http://zeedzaad.wordpress.com
www.routeloan.com
เรื่องซึ้งๆ ที่เรามองข้าม
~*~เรื่องซึ้งๆ ที่เรามองข้าม~*~ ได้รับจากพี่ห่ะเหน่ง ชัยภูมิ
นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนึง ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิ้ล และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีเงินจะให้ ....เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น " ต้นไม้ตอบ เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุข หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย ต้นไม้ดูเศร้า...... วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม" "ฉันไม่มีบ้านจะให้ แต่... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ ....เอาไปสร้างบ้าน" ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า.... วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม" "ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข" ต้นไม้ตอบ ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก "ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้ ....ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว" "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย" "ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" "รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้ ...... มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน ...หลับให้สบาย....." เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม...และน้ำตาไหล........ นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่ เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่... เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา ไม่ว่าอย่างไร...พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้ หวังเพียงเรามีความสุข คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้าย แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร?
นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนึง ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิ้ล และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีเงินจะให้ ....เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น " ต้นไม้ตอบ เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุข หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย ต้นไม้ดูเศร้า...... วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม" "ฉันไม่มีบ้านจะให้ แต่... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ ....เอาไปสร้างบ้าน" ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า.... วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม" "ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข" ต้นไม้ตอบ ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก "ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้ ....ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว" "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย" "ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" "รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้ ...... มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน ...หลับให้สบาย....." เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม...และน้ำตาไหล........ นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่ เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่... เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา ไม่ว่าอย่างไร...พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้ หวังเพียงเรามีความสุข คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้าย แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร?
11/14/2007
Water & Coke น้ำ กับ โค้ก
"น้ำ กับ โค้ก"
ตัวเราเองก็ชอบดื่มเหมือนกัน ถ้าท่านรู้เรื่อง นี้
ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% มี งานวิจัยพบว่าในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลด อาการปวดหลังปวดข้อลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วลดปัจจัยเสี่ยงต่อการ เป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็ง กระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ “โค้ก” กัน หน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม
แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุก โค้ก แกลลอนในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา 'น้ำโค้ก' ล้าง เลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน 2 วัน
รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้ง ไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้ สะอาด
ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำ ด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรด เกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
ถ้าจุดขวดติด แน่น งัดไมออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดย ง่าย
ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อย ให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สี น้ำตาล
การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วย กำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความ สะอาดกระจกได้ดี น้ำโค้กมี pH 2.8
ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่ว โลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า “ มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็น อันตราย”
ไไไใเนนเสำใแนท, ไไไใหฟืนนาใแนท, ไไไใฟ้นนใแนท, ไไไในะทฟรสใแนท, ไไไใเทฟรสใแนท, ไไไใฟัใแนท, ไไไใฟทฟผนืใแนท, ไนนเสในท, ไหฟืนนาในท, ไฟ้นนในท, ไนทฟรสในท, ไทฟรสในท, ไฟในท, ไฟทฟผนืในท
ตัวเราเองก็ชอบดื่มเหมือนกัน ถ้าท่านรู้เรื่อง นี้
ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% มี งานวิจัยพบว่าในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลด อาการปวดหลังปวดข้อลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วลดปัจจัยเสี่ยงต่อการ เป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็ง กระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ “โค้ก” กัน หน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม
แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุก โค้ก แกลลอนในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา 'น้ำโค้ก' ล้าง เลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน 2 วัน
รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้ง ไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้ สะอาด
ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำ ด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรด เกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
ถ้าจุดขวดติด แน่น งัดไมออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดย ง่าย
ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อย ให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สี น้ำตาล
การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วย กำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความ สะอาดกระจกได้ดี น้ำโค้กมี pH 2.8
ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่ว โลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า “ มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็น อันตราย”
ไไไใเนนเสำใแนท, ไไไใหฟืนนาใแนท, ไไไใฟ้นนใแนท, ไไไในะทฟรสใแนท, ไไไใเทฟรสใแนท, ไไไใฟัใแนท, ไไไใฟทฟผนืใแนท, ไนนเสในท, ไหฟืนนาในท, ไฟ้นนในท, ไนทฟรสในท, ไทฟรสในท, ไฟในท, ไฟทฟผนืในท
11/12/2007
11/08/2007
The King of Siam by Kelly Newton
เพลงที่คนต่างชาติแต่งให้ในหลวง สมควรแก่การเก็บ และฟัง ไพเราะมาก... ได้รับสดๆร้อนๆ 7/11/2550 ในวันที่ ในหลวง เสด็จออกจากโรงพยาบาล หายจากการประชวร จาก Mr.BOY เพื่อนที่แสนดีคนเดิม ขอบคุณมาก
หม่อมหลวงปริยดา ดิศกุล ประธานมูลนิธิส่งเสริมคุณธรรมได ้นำเยาวชนในเครือข่ายเยาวชนพ ัฒนาศักยภาพประมาณ 20 คน ร่วมร้องเพลงถวายพระพร โดยมี นางเคลลี นิลตั้น (Kelly Newton) นักร้องนักแต่งเพลงชาวออสเตรเล ียซึ่งได้เดินทางร้องเพลงมาแล ้วทั่วโลกเป็นต้นเสียงในการร ้องนำ ในเพลง Long live The King of Thailand ซึ่งนางเคลลี เป็นผู้เขียนเนื้อเพลง และทำนองด้วยตนเอง สำหรับเนื้อหาในเพลงนางเคลลีกล ่าวว่า ตนเป็นชาวต่างชาติแต่ได้ทราบถ ึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด ็จพระเจ้าอยู่หัวและรู้ส ึกประหลาดใจว่า ผู้ชายคนนี้ได้ทำให้ประเทศชาต ิมากมายขนาดนี้ ทรงเป็นสามี เป็นพ่อที่ดี ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงมีพระอ ัจฉริยะภาพหลายด้าน ทางด้านการแต่งเพลงดนตรี หรือการเกษตร พระองค์ทรงเป็นนักแต่งเพลงและดนต รีที่แต่งเพลงและทรงดนตรีได้เยี ่ยมยอดมาก ซึ่งตนก็ชื่นชอบเพลง ที่พระองค์แต่งทุกเพลง
นางเคลลีกล่าวอีกว่า แรงบันดาลใจสำคัญที่นำมาซึ่งเนื ้อหาในบทเพลงนี้เริ่มต้นมาจาก ตนได้นั่งเครื่งบินของการบ ินไทยและได้เห็นวีทีอาร์พระราชกร ณียกิจในหลวง ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นพระองค ์ท่าน ก็ประหลาดใจว่าผู้ชายคนนี้เป ็นใคร ทำไมถึงได้ทำอะไรมากมายขนาดนี้ เมื่อลงจากเครื่อง จึงได้สอบถามเพื่อนและทราบว่าเป ็นพระองค์ท่าน แรงบันดาลใจสำคัญจึงมาจากพระองค ์เอง
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ ่งใหญ่ ทรงมีความรัก ความเมตตาให้แก่ประชาชนของพระองค ์ทุกคน ซึ่งตนสามารถเห็นและสัมผัสได้ พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างของผ ู้นำที่ดีของโลกนี้ ที่ผู้นำทุกคนควรจะเป็น
นางเคลลีกล่าวด้วยว่า ตนกับสามีทำฟาร์มอยู่ที่ออสเตรเล ีย โดยไม่ใช้สารเคมี มา 20 ปีแล้ว ซึ่งพอทราบว่าพระองค์ท่านม ีพระราชดำริเกี่ยวกับการเกษตร ให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปลูกพืชปลอดสารพิษ ก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในพระองค์ท ่าน คิดว่าเป็นบุคคลที่หาได้อยากที ่สุดในโลกแล้ว และเมื่อได้มาประเทศไทย ก็ถามคนที่นี่ว่า ทุกคนรู้สึกอย่างไรกับในหลวง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เรารักในหลวง ซึ่งตนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก ่อนในโลกว่า ความรักที่ประชาชนมีต่อผู ้นำประเทศจะมากมายขนาดนี้ และเมื่อทราบว่า พระองค์ประชวรจากเพื่อนจึงได้เด ินทางมาถวายพระพร ด้วยการร้องเพลงที่แต่งเอง ซึ่งได้แต่งเพลงนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2550 ใช้เวลา 15 นาที ก็ได้เพลงนี้ออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นางเคลลีได้นำเด็กๆในเครือข่ายร ้องเพลงนี้บริเวณด้านหน้าศาลา 100 ปี ศิริราช ก็มีประชาชนให้ความสนใจ โดยเมื่อถึงท่อนฮุก Long live the king Long live of Siam ประชาชนที่อยู่ในบริเวณก็ร่วมร ้องท่อนฮุกนี้ไปพร้อมๆ กัน
หม่อมหลวงปริยดา ดิศกุล ประธานมูลนิธิส่งเสริมคุณธรรมได ้นำเยาวชนในเครือข่ายเยาวชนพ ัฒนาศักยภาพประมาณ 20 คน ร่วมร้องเพลงถวายพระพร โดยมี นางเคลลี นิลตั้น (Kelly Newton) นักร้องนักแต่งเพลงชาวออสเตรเล ียซึ่งได้เดินทางร้องเพลงมาแล ้วทั่วโลกเป็นต้นเสียงในการร ้องนำ ในเพลง Long live The King of Thailand ซึ่งนางเคลลี เป็นผู้เขียนเนื้อเพลง และทำนองด้วยตนเอง สำหรับเนื้อหาในเพลงนางเคลลีกล ่าวว่า ตนเป็นชาวต่างชาติแต่ได้ทราบถ ึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด ็จพระเจ้าอยู่หัวและรู้ส ึกประหลาดใจว่า ผู้ชายคนนี้ได้ทำให้ประเทศชาต ิมากมายขนาดนี้ ทรงเป็นสามี เป็นพ่อที่ดี ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงมีพระอ ัจฉริยะภาพหลายด้าน ทางด้านการแต่งเพลงดนตรี หรือการเกษตร พระองค์ทรงเป็นนักแต่งเพลงและดนต รีที่แต่งเพลงและทรงดนตรีได้เยี ่ยมยอดมาก ซึ่งตนก็ชื่นชอบเพลง ที่พระองค์แต่งทุกเพลง
นางเคลลีกล่าวอีกว่า แรงบันดาลใจสำคัญที่นำมาซึ่งเนื ้อหาในบทเพลงนี้เริ่มต้นมาจาก ตนได้นั่งเครื่งบินของการบ ินไทยและได้เห็นวีทีอาร์พระราชกร ณียกิจในหลวง ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นพระองค ์ท่าน ก็ประหลาดใจว่าผู้ชายคนนี้เป ็นใคร ทำไมถึงได้ทำอะไรมากมายขนาดนี้ เมื่อลงจากเครื่อง จึงได้สอบถามเพื่อนและทราบว่าเป ็นพระองค์ท่าน แรงบันดาลใจสำคัญจึงมาจากพระองค ์เอง
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ ่งใหญ่ ทรงมีความรัก ความเมตตาให้แก่ประชาชนของพระองค ์ทุกคน ซึ่งตนสามารถเห็นและสัมผัสได้ พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างของผ ู้นำที่ดีของโลกนี้ ที่ผู้นำทุกคนควรจะเป็น
นางเคลลีกล่าวด้วยว่า ตนกับสามีทำฟาร์มอยู่ที่ออสเตรเล ีย โดยไม่ใช้สารเคมี มา 20 ปีแล้ว ซึ่งพอทราบว่าพระองค์ท่านม ีพระราชดำริเกี่ยวกับการเกษตร ให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปลูกพืชปลอดสารพิษ ก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในพระองค์ท ่าน คิดว่าเป็นบุคคลที่หาได้อยากที ่สุดในโลกแล้ว และเมื่อได้มาประเทศไทย ก็ถามคนที่นี่ว่า ทุกคนรู้สึกอย่างไรกับในหลวง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เรารักในหลวง ซึ่งตนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก ่อนในโลกว่า ความรักที่ประชาชนมีต่อผู ้นำประเทศจะมากมายขนาดนี้ และเมื่อทราบว่า พระองค์ประชวรจากเพื่อนจึงได้เด ินทางมาถวายพระพร ด้วยการร้องเพลงที่แต่งเอง ซึ่งได้แต่งเพลงนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2550 ใช้เวลา 15 นาที ก็ได้เพลงนี้ออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นางเคลลีได้นำเด็กๆในเครือข่ายร ้องเพลงนี้บริเวณด้านหน้าศาลา 100 ปี ศิริราช ก็มีประชาชนให้ความสนใจ โดยเมื่อถึงท่อนฮุก Long live the king Long live of Siam ประชาชนที่อยู่ในบริเวณก็ร่วมร ้องท่อนฮุกนี้ไปพร้อมๆ กัน
=================================
The king of Siam
=================================
Ever since I saw the face of this man
หลังจากที่ฉันได้เห็นหน้าผู ้ชายคนนั้น
The king of Thailand, The king of Siam
กษัตริย์ของประเทศไทย กษัตริย์ของประเทศสยาม
I felt in love with his soul loves this land
ฉันก็หลงรักในความรักที่ท่านม ีให้แก่แผ่นดินของท่าน
It's in his eye, it's in his heart, it's in his hand
มันเห็นได้จากสายตาของท่าน จากหัวใจของท่าน และจากมือของท่าน
He is the husband, the father and the king
ท่านเป็นสามี เป็นพ่อ และเป็นกษัตริย์
A great photographer , musician so many things
เป็นช่างภาพผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักดนตรี และอีกหลายๆอย่าง
The way he lives his life is something to be hold
การดำเนินชีวิตของท่านมันเป็นสิ ่งที่น่าถนุถนอมไว้
His grace, his wisdom , an example to the world
สติปัญญาและความสามารถของท่านเป ็นตัวอย่างที่ดีแก่โลกนี้
Long live the king of Thailand
Long live the king of Siam
And in the time when the rain came flooding down
และเมื่อถึงเวลาที่ฝนตกน้ำท่วม
He saved the city with a building of the dam
ท่านก็ช่วยเหลือจังหวัดนั้นไว้ด ้วยการสร้างเขื่อน
In time of conflicts, he has always been there
เวลาเกิดความขัดแย้งกัน ท่านก็อยู่ตรงนั้นเสมอ
To stop the fighting just like the father who really cares
เพื่อช่วยหยุดการต่อสู้เหมือนก ับพ่อที่ห่วงใยสนใจลูก
Long live the king of Thailand
Long live the king of Siam
I'm watching wonder at the things he understands
ฉันเฝ้ามองท่านและพิสวงสงส ัยในหลายๆอย่างที่ท่านทำ
His love for his people, his love for this land
ความรักของท่านต่อประชาชนของท่าน และต่อแผ่นดินของท่าน
His working a great culture, he is one of a kind
ท่านสร้างวัฒนธรรมประเพณีที ่สวยงาม ท่านเป็นหนึ่งในล้านจริงๆ
His vision for the future way ahead of their time
ท่านมองเห็นการณ์ไกลมาก
Long live the king of Thailand
Long live the king of Siam
------------------------------------------------------------------------------------------------
ซุบซิบดารา By ซ้อเจ็ด
อ่านได้ที่นี่ ==> http://zeedzaad.wordpress.com/
------------------------------------------------------------------------------------------
=-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==
How to learn above E-loan?
Prease visit http://www.routeloan.com/eloan
=-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==
ซุบซิบดารา By ซ้อเจ็ด
อ่านได้ที่นี่ ==> http://zeedzaad.wordpress.com/
------------------------------------------------------------------------------------------
=-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==
How to learn above E-loan?
Prease visit http://www.routeloan.com/eloan
=-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==-=-==
11/06/2007
*~ เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก...จริงๆ ~*
*~ 20ข้อ เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก...จริงๆ ~* ได้รับบทความดีๆจาก Mr.BOY ที่แสนดี
1. ผู้ชายมีพุง เรียก หุ่นอาเสี่ย
ผู้หญิงมีพุง เรียก ยัยหมูสามชั้น
2. ผู้ชายกล้ามใหญ่ บอก เธอดูแมนจัง
ผู้หญิงกล้ามใหญ่ บอก เธอจะล่ำแข่งกับฉันหรือไง
3. ผู้ชายมือไม้หยาบ ดูเป็นคนขยันทำมาหากิน
ผู้หญิงมือไม้หยาบ ถามว่า เธอไปทำนามาหรือไงยะ
4. ผู้ชายตัวดำ บอก แม้นแมนนะเธอ
ผู้หญิงตัวดำ บอก ข้าวนอกนา
5. ผู้ชายไม่แต่งงาน เหตุผล " รักสนุก ไม่อยากถูกผูกมัด(โดยผู้หญิง)"
ผู้หญิงไม่แต่งงาน เหตุผลเดียวที่มีได้ "ไม่มีใครเอา"
6. ผู้ชายหลายใจ บอก "เจ้าชู้นะนายคนเนี้ย"
ผู้หญิงหลายใจ บอก "ร่านไปทั่ว"
7. ผู้ชายเก็บเงินเก่ง เรียก ประหยัด
ผู้หญิงเก็บเงินเก่ง เรียก งก
8. ผู้ชายไฟแรงสูง เรียก สมรรถภาพดี
ผู้หญิงไฟแรงสูง เรียก เซ็กส์จัด
9. ผู้ชายมีหลายบ้าน บอก มีความสามารถโดยเฉพาะเรื่องการบริหาร
(ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด)
ผู้หญิงหลายบ้าน บอก นังแพศยา ทำได้ไง
10. ผู้ชายโกหกเรื่องผู้หญิงคนอื่น เรียก รู้จักพูดให้สบายใจ
ผู้หญิงโกหกเรื่องผู้ชายคนอื่น เรียก อีตอแหล
11. ผู้ชายไม่เอาใจใส่ บอก "ธรรมชาติของผู้ชายก็งี้"
ผู้หญิงไม่เอาใจใส่ บอก "หาคนใช้มาอยู่ด้วยดีกว่า"
12. ผู้ชายดูแลผู้หญิงมากๆ มองว่า "เขารักเธอ"
ผู้หญิงดูแลผู้ชายมากๆ มองว่า "อีนี่ หลงชัวร์"
13. ผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้าน เรียก "ผู้นำครอบครัว"
ผู้หญิงเป็นใหญ่ในบ้าน เรียก "ผู้นำเผด็จการอำนาจนิยม"
14. ผู้ชายขับรถห่วยแตก มองว่า "มือใหม่หัดขับ"
ผู้หญิงขับรถห่วยแตก มองว่า "มันขับได้แค่นี้แหละ เรื่องปกติ"
15. ผู้ชายห้องรก สกปรก อุบาทว์ บอก "นี่มันห้องชายโสดจะเอาอะไรนักหนา"
&n! bsp; ผู้ หญิงห้องสกปรก บอก "อีนี่โสโครก"
16. ผู้ชายมีกลิ่น เรียก "กลิ่นดึงดูดทางเพศ ได้กลิ่นแล้วเซ็กซี่"
ผู้หญิงมีกลิ่น เรียก "สาปควายไม่ก็สาปสาง"
17. ผู้ชายปล่อยตัว เรียก "เรียบง่ายดีจัง"
ผู้หญิงปล่อยตัว เรียก "แรด"
18. ผู้ชายพูดหยาบ บอก "พูดจาประสาเพื่อนฝูง"
ผู้หญิงพูดหยาบ บอก "ปากตลาด"
19. ผู้ชายร้องไห้ "น้ำตาลูกผู้ชาย"
ผู้หญิงร้องไห้ "สำออย 100%"
20. ผู้ชายพูดจาเปิดเผย "เป็นคนจริงใจ"
ผู้หญิงพูดจาเปิดเผย "หน้าด้านจริงๆ เลยเธอ
ซุบซิบดารา By ซ้อเจ็ด
==> http://zeedzaad.wordpress.com
1. ผู้ชายมีพุง เรียก หุ่นอาเสี่ย
ผู้หญิงมีพุง เรียก ยัยหมูสามชั้น
2. ผู้ชายกล้ามใหญ่ บอก เธอดูแมนจัง
ผู้หญิงกล้ามใหญ่ บอก เธอจะล่ำแข่งกับฉันหรือไง
3. ผู้ชายมือไม้หยาบ ดูเป็นคนขยันทำมาหากิน
ผู้หญิงมือไม้หยาบ ถามว่า เธอไปทำนามาหรือไงยะ
4. ผู้ชายตัวดำ บอก แม้นแมนนะเธอ
ผู้หญิงตัวดำ บอก ข้าวนอกนา
5. ผู้ชายไม่แต่งงาน เหตุผล " รักสนุก ไม่อยากถูกผูกมัด(โดยผู้หญิง)"
ผู้หญิงไม่แต่งงาน เหตุผลเดียวที่มีได้ "ไม่มีใครเอา"
6. ผู้ชายหลายใจ บอก "เจ้าชู้นะนายคนเนี้ย"
ผู้หญิงหลายใจ บอก "ร่านไปทั่ว"
7. ผู้ชายเก็บเงินเก่ง เรียก ประหยัด
ผู้หญิงเก็บเงินเก่ง เรียก งก
8. ผู้ชายไฟแรงสูง เรียก สมรรถภาพดี
ผู้หญิงไฟแรงสูง เรียก เซ็กส์จัด
9. ผู้ชายมีหลายบ้าน บอก มีความสามารถโดยเฉพาะเรื่องการบริหาร
(ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด)
ผู้หญิงหลายบ้าน บอก นังแพศยา ทำได้ไง
10. ผู้ชายโกหกเรื่องผู้หญิงคนอื่น เรียก รู้จักพูดให้สบายใจ
ผู้หญิงโกหกเรื่องผู้ชายคนอื่น เรียก อีตอแหล
11. ผู้ชายไม่เอาใจใส่ บอก "ธรรมชาติของผู้ชายก็งี้"
ผู้หญิงไม่เอาใจใส่ บอก "หาคนใช้มาอยู่ด้วยดีกว่า"
12. ผู้ชายดูแลผู้หญิงมากๆ มองว่า "เขารักเธอ"
ผู้หญิงดูแลผู้ชายมากๆ มองว่า "อีนี่ หลงชัวร์"
13. ผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้าน เรียก "ผู้นำครอบครัว"
ผู้หญิงเป็นใหญ่ในบ้าน เรียก "ผู้นำเผด็จการอำนาจนิยม"
14. ผู้ชายขับรถห่วยแตก มองว่า "มือใหม่หัดขับ"
ผู้หญิงขับรถห่วยแตก มองว่า "มันขับได้แค่นี้แหละ เรื่องปกติ"
15. ผู้ชายห้องรก สกปรก อุบาทว์ บอก "นี่มันห้องชายโสดจะเอาอะไรนักหนา"
&n! bsp; ผู้ หญิงห้องสกปรก บอก "อีนี่โสโครก"
16. ผู้ชายมีกลิ่น เรียก "กลิ่นดึงดูดทางเพศ ได้กลิ่นแล้วเซ็กซี่"
ผู้หญิงมีกลิ่น เรียก "สาปควายไม่ก็สาปสาง"
17. ผู้ชายปล่อยตัว เรียก "เรียบง่ายดีจัง"
ผู้หญิงปล่อยตัว เรียก "แรด"
18. ผู้ชายพูดหยาบ บอก "พูดจาประสาเพื่อนฝูง"
ผู้หญิงพูดหยาบ บอก "ปากตลาด"
19. ผู้ชายร้องไห้ "น้ำตาลูกผู้ชาย"
ผู้หญิงร้องไห้ "สำออย 100%"
20. ผู้ชายพูดจาเปิดเผย "เป็นคนจริงใจ"
ผู้หญิงพูดจาเปิดเผย "หน้าด้านจริงๆ เลยเธอ
ซุบซิบดารา By ซ้อเจ็ด
==> http://zeedzaad.wordpress.com
11/05/2007
"หลวงพ่อ" กะ "เคเอฟซี"
*~* "หลวงพ่อ" กะ "เคเอฟซี" *~* ได้รับสดๆร้อนๆจาก DL
หลังจากเฝ้าดูยอดขายที่ตกต่ำลงมา 3 เดือนของไก่ทอดเคนตั๊กกี้ผู้พันแซนเดอร์ส (คนคิดสูตร KFC)ได้โทรศัพท์หาพระสันตปาปาเพื่อขอความช่วยเหลือ
พระสันตปาปากล่าว"พ่อจะช่วยอะไรลูกได้บ้าง"
ผู้พันตอบ"ผมอยากให้คุณพ่อช่วยเปลี่ยนบทสวดประจำวันจาก"ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานขนมปังให้แก่เรา" เป็น
่ทอดให้แก่เรา"ถ้าหากคุณพ่อทำได้นะ ผมจะบริจาคให้วาติกัน 10 ล้านดอลลาร์"
พระสันตปาปาตอบ "พ่อเสียใจนะลูก นั่นเป็นบทสวดของพระผู้เป็นเจ้าพ่อเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก"
หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่ง ยอดขาดก็ตกต่ำลงกว่าเก่าอีกผู้พันเริ่มเครียดจึงโทรหาพระสันตปาปาอีกครั้งฟังนะครับคุณพ่อ ผมต้องการความช่วยเหลือของท่านมากผมจะบริจาค 50 ล้านดอลลาร์ถ้าท่านเปลี่ยน คาถาในบทสวดขนมปัง" เป็น "ไก่ทอด"
เท่านั้นเองพระสันตปาปาตอบกลับมาว่า "ลูกเริ่มทำให้พ่อลังเลแล้วนะ ผู้พันแซนเดอร์สโบสถ์สามารถใช้เงินที่ลูกบริจาคทำประโยชน์แก่สาธารณชนได้มากมาย แต่พ่อคงต้องขอยืนกรานนั่นเป็นบทสวดของพระผู้เป็นเจ้า พ่อคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้"
ผู้พันแซนเดอร์สต้องผิดหวังกลับไปอีกครั้ง แต่เมื่อสองเดือนผ่านไปพร้อมกับยอดขายที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด"
คุณพ่อครับ นี่เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้าย ถ้าพ่อเปลี่ยนคำในบทสวดจาก"ขนมปัง" เป็น "ไก่ทอด"ผมจะบริจาคให้สำนักวาติกัน 100 ล้านดอลลาร์"
พระสันตปาปาตอบ"ขอเวลาพ่อคิดก่อนนะ แล้วพ่อจะติดต่อกลับไป"
วันต่อมา ...พระสันตปาปาเรียกประชุมบิชอปทั้งหมดในคณะและเริ่มแถลงว"พ่อมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายนะ ข่าวดีคือ KFCกำลังจะบริจาคเงินให้สำนักวาติกันของเรา 100 ล้านดอลลาร์"เหล่าบิชอปต่างพากันปลาบปลื้มกับข่าวดีนี้บิชอปท่านหนึ่งจึงถามถึงข่าวร้ายบ้าง พระสันตปาปาตอบ"ข่าวร้ายก็คือ เราคงต้องยกเลิกสัญญากับ บริษัทขนมปังฟาร์มเฮาส์แล้วน่ะสิ"
หลังจากเฝ้าดูยอดขายที่ตกต่ำลงมา 3 เดือนของไก่ทอดเคนตั๊กกี้ผู้พันแซนเดอร์ส (คนคิดสูตร KFC)ได้โทรศัพท์หาพระสันตปาปาเพื่อขอความช่วยเหลือ
พระสันตปาปากล่าว"พ่อจะช่วยอะไรลูกได้บ้าง"
ผู้พันตอบ"ผมอยากให้คุณพ่อช่วยเปลี่ยนบทสวดประจำวันจาก"ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานขนมปังให้แก่เรา" เป็น
่ทอดให้แก่เรา"ถ้าหากคุณพ่อทำได้นะ ผมจะบริจาคให้วาติกัน 10 ล้านดอลลาร์"
พระสันตปาปาตอบ "พ่อเสียใจนะลูก นั่นเป็นบทสวดของพระผู้เป็นเจ้าพ่อเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก"
หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่ง ยอดขาดก็ตกต่ำลงกว่าเก่าอีกผู้พันเริ่มเครียดจึงโทรหาพระสันตปาปาอีกครั้งฟังนะครับคุณพ่อ ผมต้องการความช่วยเหลือของท่านมากผมจะบริจาค 50 ล้านดอลลาร์ถ้าท่านเปลี่ยน คาถาในบทสวดขนมปัง" เป็น "ไก่ทอด"
เท่านั้นเองพระสันตปาปาตอบกลับมาว่า "ลูกเริ่มทำให้พ่อลังเลแล้วนะ ผู้พันแซนเดอร์สโบสถ์สามารถใช้เงินที่ลูกบริจาคทำประโยชน์แก่สาธารณชนได้มากมาย แต่พ่อคงต้องขอยืนกรานนั่นเป็นบทสวดของพระผู้เป็นเจ้า พ่อคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้"
ผู้พันแซนเดอร์สต้องผิดหวังกลับไปอีกครั้ง แต่เมื่อสองเดือนผ่านไปพร้อมกับยอดขายที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด"
คุณพ่อครับ นี่เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้าย ถ้าพ่อเปลี่ยนคำในบทสวดจาก"ขนมปัง" เป็น "ไก่ทอด"ผมจะบริจาคให้สำนักวาติกัน 100 ล้านดอลลาร์"
พระสันตปาปาตอบ"ขอเวลาพ่อคิดก่อนนะ แล้วพ่อจะติดต่อกลับไป"
วันต่อมา ...พระสันตปาปาเรียกประชุมบิชอปทั้งหมดในคณะและเริ่มแถลงว"พ่อมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายนะ ข่าวดีคือ KFCกำลังจะบริจาคเงินให้สำนักวาติกันของเรา 100 ล้านดอลลาร์"เหล่าบิชอปต่างพากันปลาบปลื้มกับข่าวดีนี้บิชอปท่านหนึ่งจึงถามถึงข่าวร้ายบ้าง พระสันตปาปาตอบ"ข่าวร้ายก็คือ เราคงต้องยกเลิกสัญญากับ บริษัทขนมปังฟาร์มเฮาส์แล้วน่ะสิ"
ซุบซิบดารา By ซ้อเจ็ด
==> http://zeedzaad.wordpress.com
*~* อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน *~*
อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน ได้รับบทควาดีจาก "Mr.BOY" ขอบคุณมากมาย
เป็นเคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ได้แก่
1. ไข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว..การดูดซึมแคลเซี่ยมลดน้อยลง ขาดแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกผุได้
2. ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป้นพิษต่อเซลล์สมอง ความจำเสื่อม คอแห้ง เจ็บคอ
3. เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบนโซไพริน ก่อมะเร็ง
4. ผักดอง เกิดการสะสมเกลือโซเดียม หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง เป็นโรคหัวใจง่าย
5. ตับหมู 1 กก. มีคอเลสเตอรอลกว่า 400 มก. ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ, หลอดเลือดทางสมอง, มะเร็ง
6. ผักโขม ผักปวยเล้ง มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลน
7. บะหมี่สำเร็จรูป ทำให้ขาดสารอาหาร เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย
8. เมล็ดทานตะวัน มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว กินมากทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้
9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค...และมีสารย่อยโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
10. ผงชูรส ไม่ควรกินเกิน 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ หมอชาวบ้าน
ซุบซิบดารา อ่านบทความได้ที่
11/03/2007
Subscribe to:
Posts (Atom)