12/30/2007

แล้วจะรู้...

> > แล้วจะรู้...
>> แล้วจะรู้สึกว่าไม่ควรบ่นเวลามีงานให้ทำ
>> ฉันได้รับข้อความนี้จากเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
> ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้เลือกไปแล้ว
> ฉันเองก็ต้องเลือกเหมือนกัน และ
> ฉันก็เลือกแล้ว
> คราวนี้ตาพวกคุณแล้วล่ะที่จะต้องเลือกบ้าง
>> เรื่องมีอยู่ว่า.....
> ชายคนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขา
> เพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองม้วน
> หนึ่งซึ่งมีราคาแพง
> ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง
> และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษ! สีทองราคาแพงนั้น มาห่อกล่องของขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส
> แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น
> และพูดว่า ' นี่สำหรับพ่อค่ะ '
> พ่อของเธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้
> แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเมื่อ เขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่องเปล่า
> เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า
> 'ลูกไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร
> มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย ? '
> เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา
> และพูดว่า
> 'โอ...พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม '
> ชายคนนั้นสะอึก ตัวชาด้วยความเสียใจ
> เขาทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น
> เขาขอให้ลูกสาวยกโทษให้เขา
> กับท่าทางโกรธเกรี้ยวเกินเหตุของเขา
> ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูก
> สาวของชายคนนั้นไป
> และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้น
> ไว้ข้างเตียงตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว
> และเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ
> หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบนี้
> เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ
> แล้วรำลึกถึงความรักของลูกน้อย ที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา
> ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
> พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่ง
> บรรจุด้วยความรัก ที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจาก
> ลูกๆ , ครอบครัว และ เพื่อนๆ
> ไม่มีสมบัติใด ล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้ว
> ตอนนี้คุณมี 2 ตัวเลือกแล้วล่ะ คุณจะ
> 1. ส่งข้อความนี้ต่อไปยังเพื่อนๆ และ ญาติๆ ของคุณ หรือ
> 2. ลบมันทิ้งซะ
> แล้วทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรกระทบใจคุณเลยแม้แต่น้อย
> อย่างที่เห็นนี่ล่ะ ฉันได้เลือกข้อ 1 ไปแล้ว
> เพื่อนคือของขวัญ ผู้ซึ่งพยุงให้เรายืนขึ้นด้วยเท้า
> เมื่อปีกของเราไม่รู้ว่าจะบินอย่างไร
>> มองโลกในแง่ดี และปฏิบัติดี
> ฉันขอขอบคุณสำหรับ....
> สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน
> เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น
> สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่
> เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน
> สำหรับภาษีที่ต้องเสีย
> เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ
> สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้
> เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง
>> สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป
> เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีกิน
> สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน
> เพราะนั่นหมายถึงฉัน กำลังได้รับแสงแดด
> สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด
> เพราะนั่นบ้านถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา
> สำหรับคำบ่นต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล
> เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระ ในการที่จะแสดงความคิดเห็น
> สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ
> เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถ
> สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด> เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่
> สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน
> เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้
> สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า> เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่
> และสุดท้าย....! ....
> สำหรับอีเมล์ที่ส่งมาหาฉันมากมาย
> เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเพื่อนๆ